ปกติเวลาเราฟังเพลง เรามักจะนึกถึงเรื่องในอดีต
ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือความทุกข์ เหตุการณ์ต่างๆที่ส่งผลต่อชีวิต
ผมจะไม่เคยลืมมัน จึงเป็นที่มาของ theme ในปีนี้ที่ว่า “ความทรงจำในวันวาน”
รางวัลแรก
รางวัลแรกที่จะประกาศได้แก่รางวัล “คลื่นกระทบชายฝั่ง”
มอบให้กับ
“Never enough” จาก Loren Allred ศิลปินหน้าใหม่จากอเมริกา
สาวอายุ 29 ปีคนนี้เกิดในครอบนักดนตรี โดยเธอเริ่มจากกรเล่นเปียโนมาก่อนและศึกษาในคณะละครเพลงWeber
State University จนมีคนเห็นเธอฉายแววจนได้ร้องเพลง Never enough ประกอบภาพยนตร์เรื่อง
The Greatest Man show ในฉากที่ผมชอบที่สุดของเรื่อง เพราะทำให้นึกถึงเรื่องราวของผมและแฟนเก่าในสมัยมัธยม
เพลง “Never enough” เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง
The greatest Man show เป็นเพลงซึ้ง ที่มีเปียโนเป็นพระเอก
และเครื่องสายเป็นนางเอก ชวนให้นึกถึงน้ำที่เคียงคู่กับสายลมบริเวณชายฝั่ง จังหวะของเปียโนในตอนเริ่มจะค่อนข้างช้าและมีเสียงเดียว
คลอไปกับเสียงของเชลโล่ที่มีหนักเบาเป็นช่วงๆ เหมือนกับลมที่ดันผิวน้ำให้ค่อยๆเคลื่อนที่ไปข้างหน้า
เมื่อเสียงของเปียโนมีมากขึ้นแทนถึงสายลมที่จำนวนมากขึ้น
เครื่องสายจะตอบรับด้วยเสียงที่ดังขึ้นแทนถึงกระแสน้ำที่ไหลแรงขึ้นเมื่อยิ่งใกล้ถึงฝั่ง
แต่ในที่สุดก็ไปชนเข้ากับโขดหิน ซึ่งก็คือเครื่องประกอบจังหวะที่จะปรากฏก็ต่อเมื่อเปียโนและเครื่องสายมีเสียงดังขึ้นถึงระดับหนึ่งเท่านั้น
ครึ่งหลังของเพลงเริ่มมีความถี่ของเครื่องประกอบจังหวะมากขึ้น
และมีเสียงแหลมของไวโอลินแทรกเข้ามาเรื่อยๆ เหมือนกับน้ำและลมที่ซัดโขดหินริมฝั่งบ่อยขึ้น
ดูทะเยอทะยานสู้ไม่ถอย พัดแล้วพัดอีกจนน้ำแตกกระเซ็นก็ไม่ยอมแพ้ ทำให้สัมผัสได้ถึงคลื่นที่กำลังกระทบชายฝั่งอยู่
รางวัลที่สอง
รางวัลที่สองคือรางวัล "เสียงจากชั้น2ของบ้าน" เห็นชื่อรางวัลแล้วอาจจะดูน่ากลัว เหมือนกับชื่อตอนของนิยายขนหัวลุก แต่ความหมายที่ผมต้องการจะสื่อจริงๆแล้วคือตลอดช่วงวัยเด็กของผมต้องทนอยู่กับครอบครัวที่ไม่ค่อยอบอุ่นนัก พ่อและแม่จะทะเลาะกันอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งรางวัลนี้ขอมอบให้กับเพลง "เรื่องที่ขอ" ในเวอร์ชันของรายการ หาคู่ DUET ซึ่ง คุณแตงโม ผู้เข้าแข่งขัน ขับร้องคู่กับ
ลูกหว้า พิจิกา
เพลงเรื่องที่ขอนั้นมีหลายเวอร์ชันมาก ซึ่งสไตล์จะเปลี่ยนไปตามผู้ร้อง แต่ในเวอร์ชันนี้ใช้เครื่องดนตรีหลักเพียงสองชนิด คือเปียโนและเชลโล่ ฟังแล้วนึกถึงบรรยากาศที่ไม่ค่อยดีนักระหว่างผู้ชายและผู้หญิงที่พูดคุยกันอยู่ด้วยความเศร้า ประกอบกับเสียงของนักร้อง แตงโมที่เป็นเสียงต่ำ และลูกหว้าที่เป็นเสียงสูง ทำให้อินมากขึ้น เพลงเริ่มต้นด้วยเชลโล่คลอมากับเปียโน เมื่อขึ้นเนื้อร้องท่อนแรก เครื่องดนตรีลดเหลือแค่เปียโนเพียงอย่างเดียวซึ่งเข้ากันได้ดีกับเสียงสูงของลูกหว้าที่หนักแน่นเป็นคำๆ ท่อนต่อมาเป็นท่อนของเชลโล่ซึ่งก็เข้ากันด้วยดีกับเสียงของแตงโมที่ทุ้มต่ำและอ่อนน้อม แต่มีเสียงของเปียโนแทรกขึ้นมาอยู่บ้าง ทำให้นึกถึงตอนที่พ่อกับแม่มีปากเสียงกันตอนผมยังเด็ก ในตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่โหดร้ายมากสำหรับผม ถึงพ่อจะพูดเท่าไหร่แม่ก็จะไม่ฟัง พอถึงท่อนที่นักร้องต้องร้องประสานกัน เครื่องดนตรีก็ไม่น้อยหน้ามีความดังเบาสลับกันแต่ไม่ถึงกับแแก่งแย่งกันกัน ถึงตอนแรกๆต่างคนต่างพูดต่างอธิบาย แต่พอผ่านไปสักครู่ก็ไม่มีใครฟังใคร โดยเฉพาะแม่จะไม่ยอมใครทั้งนั้น ท่อนที่เชลโล่มีความดังไล่ระดับขึ้นมาทำให้รู้สึกถึงอารมณ์ที่มีปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆแต่ไม่ถึงกับลงไม้ลงมือ สุดท้ายเครื่องดนตรีก็จบพร้อมกัน ซึ่งทุกวันนี้พ่อกับแม่ผมก็ไม่ได้คุยกันแล้วครับ จึงขอมอบรางวัล "เสียงจากชั้นที่ 2 ของบ้าน" ให้เพลงนี้ครับ
รางวัลที่สาม
รางวัลสุดท้ายนี้ของมอบให้กับเพลง "Domino" จาก Jessie J ในเวอร์ชันที่นางไปประกวดร้องเพลงที่ประเทศจีน ซึ่งในเวอร์ชันออริจินอล ใช่กีตาร์ไฟฟ้าเป็นหลัก ทำให้เพลงมีความร็อค เป็นพื้นฐานเพลงขอเธออยู่แล้ว แต่ในการประกวดนี้ ได้มีการผสมวงเครื่องสายเข้าไปด้วย เช่น ไวโอลิน ทำให้เพลงมีความนุ่มนวลมากขึ้น ประกอบกับเทคนิคการร้องของเธอแล้ว บอกได้เลยว่าพลาดไม่ได้จริงๆ สามารถขึ้นและลงในrange โน้ตที่มีความห่างกันมากๆได้ และ lay back คำร้องให้มีความแปลกใหม่มากขึ้น เหมือนกับเราเวลาออกจากบ้านในแต่ละวันโดยที่ไม่รู้ว่าจะพบเจออะไร ทำให้ชีวิตมีความตื่นตาตื่นใจตลอดเวลา จึงขอมอบรางวัล "bon voyage" ให้กับเพลงนี้
ในช่วงintro ของเพลงเริ่มต้นด้วยเครื่องสาย ที่นุ่มนวลไม่สูงหรือต่ำเกินไป ไม่ต่างอะไรกับการเปิดประตูบ้าน เพื่อสูดอากาศยามเช้า
จากนั้นเสียงกีตาร์ไฟฟ้าก็ตามเข้ามา เป็นเริ่มต้นก้าวออกเดินด้วยความมั่นใจเพื่อเผชิญสิ่งต่างๆในวันนั้น ด้วยคีย์ของ Jessie ที่สูงอยู่แล้ว ทำให้เกิดความมั่นใจและความสบายมากขึ้นในการฟัง ในระหว่างทางก็มีเสียงเครื่องเป่าแทรกอยู่บ้าง เหมือนกับการเริ่มพบเจอสิ่งต่างๆ พอถึงช่วงที่ดนตรีเบาลงเป็นช่วงที่โชว์เสียงของเครื่องสาย ทำให้รู้สึกเหมือนพบเจอปัญหาและทุกสิ่งก็ดำเนินเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรสุดท้ายเรากก็จะผ่านพ้นมันไปได้ ในช่วงหลังของเพลงเหมือนว่าจังหวะมันเร็วขึ้น สนุกขึ้น เต็มที่กับสิ่งที่ทำ จึงเป็นที่มาของรางวัล "bon voyage"
ก่อนจะจากรายการนี้ของผมไป ผมอยากจะฝากว่าชีวิตของเรามีทั้งสุขและทุกข์ แพ้และชนะ ทุกปัญหามีทางออกเสมอ ทุกเหตุการณ์นับเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ทำให้เราได้ก้าวต่อไป ขอบคุณครับ
0 comments:
Post a Comment